-‘อย่ากลัว’ ที่จะถูกเกลียด เรื่องเล่าของผู้ป่วยซึมเศร้าและการเดินทางมาพบกัน-
หลายคนน่าจะผ่านตาหนังสือเล่มนี้ หลายคนเคยอ่าน มันจัดเป็นหนังสือขายดีเล่มหนึ่งของสำนักพิมพ์ WE LEARN มีเล่ม 1 และ 2 พิมพ์หลายรอบ ผมเชื่อด้วยว่ามีคนรีวิวหนังสือเล่มนี้ไปมากแล้ว
ผมจึงไม่คิดจะรีวิวซ้ำ
แต่อยากบอกเล่าถึงบางเหตุการณ์ในชีวิตที่เดินทางไปบรรจบกับเนื้อหาของหนังสือโดยบังเอิญ
ด้วยความสนใจปรัชญาเป็นทุนเดิม ตอนที่เปิดๆ หนังสือเล่มนี้ มันนำเสนอด้วยบทสนทนาระหว่างนักปรัชญากับชายหนุ่ม ทั้งยังเล่าถึงแนวคิดของนักจิตวิทยาที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่ายักษ์ใหญ่ 2 ตน-ฟรอยด์และยุง-อย่างอัลเฟรด แอดเลอร์ ผมไม่ลังเลที่จะเป็นเจ้าของ
เนื่องจากผมซื้อมาตั้งแต่หนังสือออกใหม่ๆ
และอ่านจบไปหลายปีแล้ว ความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อหาลางเลือนเต็มที จำได้เพียงว่าอ่านอย่างลื่นไหล
ชื่นชอบ และสั่นไหวความคิดไม่น้อยกว่า 9 ริกเตอร์
ต่อมา
ผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ยังคงกินยาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เพราะความอินโทรเวิร์ตเข้มข้น เวลาจำนวนไม่น้อยผมใช้ไปกับการเดินทางในความคิดของตนเองมาแต่ไหนแต่ไร
รับรู้ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกได้ค่อนข้างชัดและว่องไวพอประมาณ
ความเศร้าเป็นมีดผ่าตัดที่คมกริบ
มันเฉือนเนื้อหัวใจอย่างเงียบเชียบ เรียบเนียน ทว่า เจ็บปวดสาหัส
ผมพึ่งพาการบำบัดและกิจกรรมหลายอย่างเพื่อตะกายออกมาจากหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง
ล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ บางค่ำคืน กอดตัวเองแทบแหลกสลายจากการพรั่งพรูของน้ำตา
บางค่ำคืน ใช้มีดจิ้มข้อมือตัวเองเพื่อให้ความเจ็บปวดทางกายช่วยยืนยันว่าฉันยังมีตัวตน
ไม่ต้องพูดถึงความคิดฆ่าตัวตาย มันผุดขึ้นมาสม่ำเสมอจนสนิทสนม และอีกหลายสิ่งที่ผู้ป่วยซึมเศร้ามักกระทำ
แล้ววันหนึ่ง
ผมก็พบความผิดปกติเพิ่มขึ้นอีก ผมโกรธตลอดเวลา (เหมือนฮัลค์) เป็นอยู่นับเดือน โกรธชนิดที่ว่าพร้อมจะใช้ทักษะที่มีแปลงออกมาเป็นความรุนแรง
ขอแค่ให้มีใครสักคนเดินเข้ามาในอาณาบริเวณแห่งความเดือดดาล โชคดีที่ไม่เกิดขึ้น
จิตแพทย์ถึงกับคิ้วขมวดตอนที่ผมเล่าให้ฟัง
ผมเคยเขียนไปแล้วว่า
ความโกรธในศาสนาพุทธเป็นอกุศล แต่ในจริยศาสตร์คลาสสิกแบบอริสโตเติล ไม่ใช่
คนเราสามารถโกรธได้และควรโกรธ การรู้ว่าควรโกรธเรื่องใด ใคร เมื่อไหร่ อย่างไหร่
และแค่ไหน หาใช่ความชั่วร้าย แต่เป็นคุณธรรมประการหนึ่ง
ในทางจิตวิทยา
ความโกรธมีหน้าที่ของมัน มันเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่ขึ้นกับผู้ใช้ว่าจะสันดาปมันออกมาในรูปลักษณ์ไหน
แต่ลองคิดนะครับ...
คนที่ไม่แสดงความโกรธเลยเกือบทั้งชีวิต
ยามที่ถูกกระทำไม่ดีใส่ กลับคิดว่าตนเองดีไม่พอ แล้วแปลงความโกรธนั้นเป็นความเสียใจโบยตีตัวเอง
กระทั่งแสดงความโกรธไม่เป็น กลัวคนอื่นจะเสียความรู้สึก จะเกลียดตน
คนที่ว่านี้คือผมเอง
การอยู่กับตัวเองและใคร่ครวญ
ช่วยให้ผมตระหนักรู้ข้อนี้ ความโกรธที่ไม่เคยแสดงออกแปรสภาพเป็นสนิมสีน้ำตาลอมส้มกัดแทะหัวใจผมอย่างไร้สุ่มเสียงเรื่อยมา
โดยสามัญสำนึก ผมรู้ว่านี่คือวิกฤต มันแสดงให้เห็นว่าผมเคารพตนเองต่ำเพียงใด
ผมเอาชีวิตตนเองไปผูกกับสายตาผู้อื่นมากเกินไป กระทั่งกระดูกสันหลังตนเองคดงอจากการแบกรับภาระอันไม่จำเป็น
หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนไป
ผมแสดงความโกรธเกรี้ยวกับเหตุการณ์และผู้คนตามแต่ระดับความงี่เง่าอย่างพอเหมาะพอสม
ผ่านการแสดงออกต่อหน้าหรือผ่านเฟสส่วนตัว เมื่อเริ่มป่วยไม่นาน ผมทิ้งและบริจาคของออกไปมากมายเพื่อเพิ่มพื้นที่โล่งว่างให้กับห้องตัวเอง
พอรู้ตัวขึ้นอีกระดับ ผมทิ้งความสัมพันธ์ฉาบฉวยออกไปจากเฟสบุ๊คจำนวนมาก เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับความสัมพันธ์ที่จริงจังกว่า
โดยแยกเรื่องงานออกไปเป็นอีกส่วนหนึ่งของชีวิต ผมเอ่ยชื่อหรือบางครั้งก็สื่อเป็นนัยถึงคนคนนั้นว่า
คุณน่ะงี่เง่า ผมตำหนิติเตียนอย่างออมปากออมคำน้อยลง ผมอธิบายในเฟสว่าหากรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปจนขัดหูขัดตา
สามารถ unfriend ได้
ไม่มีการถือโทษโกรธเคืองใดๆ
แน่นอน น่าจะมีคนหมั่นไส้ผมไม่น้อย จากที่ไม่ค่อยมีคนคบหาอยู่แล้วก็คงยิ่งห่างเหินกันไปใหญ่ หรืออาจถึงขั้นชิงชังรังเกียจ ต้องมีแหละ มันเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกิน
แต่รู้อะไรไหม?
ผมไม่แคร์
ถามว่าผมกล้าที่จะโกรธ
กล้าที่จะถูกเกลียดหรือ? ไม่ใช่ ผมไม่ได้กล้าหรอก
ผมแค่ ‘ไม่กลัว’ ที่จะโกรธ ที่จะถูกเกลียด ที่จะแสดงตัวตนบางด้าน
‘ไม่กลัว’ ผลกระทบจากการเป็นตัวของตัวเองมากเท่าอดีต ผมถามตัวเองว่าจะมีชีวิตอย่างไร ถ้าผูกคอตัวเองด้วยสายจูงที่สร้างขึ้นเองแล้วเอาไปมัดไว้กับสายตาของคนอื่นอีกที
ใช่,
อาการผมทุเลาขึ้น ยังชัทดาวน์บ้างเป็นระยะ แต่รับมือได้
เปล่า, ผมไม่ได้บอกว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมดีขึ้น
ผมตระหนักรู้และแก้ไขด้วยตนเอง แล้วจึงนึกถึงหนังสือเล่มนี้ต่างหาก
เช่นที่เคยเขียนไปอีกนั่นแหละ
ถึงจุดจุดหนึ่ง ชีวิตและการอ่านจะเปลี่ยนกันและกัน
ถึงจุดจุดหนึ่ง
ท่วงทำนองชีวิตจะพาเรามาพบปะกับสิ่งที่เราอ่านชนิดไม่รู้เนื้อรู้ตัว
...อาจเป็นความอัศจรรย์
บอกเลยว่าไม่ใช่หนทางเยียวยาที่ถูกต้องแม่นยำ
ผู้ป่วยซึมเศร้ามีความหลากหลาย วิธีที่ได้ผลกับคนหนึ่งอาจล้มเหลวสิ้นเชิงกับอีกคน
และยิ่งไม่ใช่สูตรสำเร็จในการใช้ชีวิตดังที่ไลฟ์โค้ชพยายามนำเสนอ มนุษย์มีเงื่อนไขต่างกันเกินไปที่จะมีสมการเดียว
ไม่ถึงกับต้องกล้าหรอกครับ
ความกลัวเป็นอีกสิ่งที่บอกว่าเราเป็นมนุษย์นะ
แต่เท่าที่ผมพอจะพูดได้แบบขั้นต่ำที่สุดคงเป็น...
‘อย่ากลัว’
ความคิดเห็น