-เทพเจ้าก็ไม่รู้หรอกว่าความดีคืออะไร-
ในแง่ความคลาสสิก ‘ปกรณัมปรัมปรา ตำนานเทพและวีรบุรุษกรีก-โรมัน-นอร์ส’ ของเอดิธ แฮมิลตัน หรือ ‘Mythology’ เรียกว่าอยู่ในระดับขึ้นหิ้ง ผมเข้าใจว่านักศึกษาวรรณกรรมอังกฤษ งานชิ้นนี้ ไม่อ่านไม่ได้ เล่มนี้พิมพ์โดยสำนักพิมพ์อมรินทร์ แปลโดยนพมาส แววหงส์
กับผมที่ไม่ได้เรียนวรรณกรรมอังกฤษ หนังสือเล่มนี้ช่วยขยายจักรวาลของเหล่าเทพเจ้ากรีกว่ามีชื่ออะไร มีสาแหรกอย่างไร สร้างวีรกรรมและวีรเวรใดไว้บ้าง รวมถึงการเล่ามหากาพย์อิเลียดและโอดิสซีย์ไว้อย่างย่นย่อ ชักจูงให้ผมต้องไปหาฉบับแปลไทยของทั้งสองเล่มมาอ่าน
ไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องเล่าถึงปกรณัมต่างๆ
ในเล่มหรือไม่ เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยรับรู้ รับฟังกันมาบ้างแล้ว
แต่ผมขอเล่าสักหนึ่งเรื่องที่ชวนไตร่ตรองว่า
เหตุเพียงเล็กน้อยก็สามารถลุกลามบานปลายสู่ความริษยาและอาฆาต การเข่นฆ่าและสงคราม
ความตายและโศกนาฏกรรมได้
ผมกำลังหมายถึงสงครามกรุงทรอยที่ถูกเล่าขานในอิเลียดซึ่งเชื่อกันว่าประพันธ์โดยโฮมเมอร์
เจ้าชายปารีสลักพาตัวเฮเลน
หญิงผู้มีรูปโฉมงดงามที่สุดในโลกเวลานั้น อันเป็นต้นเหตุให้ทรอยประสบหายนะ
นี่เป็นสิ่งที่ผมเข้าใจมาตลอด ไม่ผิด ทว่า มันยังมีสาเหตุของสาเหตุอยู่อีก
ในงานอภิเษกของกษัตริย์เพลิอัสและนางพรายทะเลเธทิส
เทพและเหล่ามนุษย์มากมายถูกเชิญมาร่วมงาน ยกเว้นเอริส เทพกัญญาแห่งความบาดหมาง
เพราะซุสราชาของเหล่าเทพแห่งโอลิมปัสไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นภายในงาน
แต่ดูเหมือนว่าชะตากรรมมีหน้าที่ของมันที่แม้แต่เทพก็ไม่อาจยับยั้ง
เอริสโกรธเคืองต่อสิ่งที่ตนได้รับ เธอจึงโยนผลแอปเปิ้ลทองคำเข้าไปในงาน
มันคงจะไม่มีอะไรถ้าบนผลแอปเปิ้ลมิได้สลักไว้ว่า ‘สำหรับผู้งดงามที่สุด’
เทพกัญญา 3 องค์-เฮรา, อธีนา และอะโฟรไดทิ
ต่อล้อต่อเถียงว่าตนควรเป็นผู้ครอบครองผลแอปเปิ้ลทองคำ พวกนางให้ซุสเป็นผู้ตัดสิน
แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ควรหาเรื่องใส่ตัว ภาระนี้จึงถูกโยนให้แก่เจ้าชายปารีส ทั้ง 3 ล้วนเสนอสินบนที่มนุษย์ไม่น่าจะปฏิเสธได้
น่าแปลกที่เทพกัญญาทั้ง 3
กลับไม่เกิดคำถามบ้างหรือว่า การให้สินบนแลกกับคำตัดสินว่า งดงามที่สุด
จะเป็นความจริงได้อย่างไรหากผู้ตัดสินตัดสินเพียงเพราะรางวัลที่ตนจะได้
ปารีสเลือกให้อะโฟรไดทิเป็นผู้ครอบครองผลแอปเปิ้ลทองคำ
อันเป็นสัญลักษณ์ว่าเธอคือผู้งดงามที่สุด โดยสินบนที่เธอให้แก่ปารีสคือเฮเลน
หญิงงามที่สุดในโลก (ตกลงใครงดงามที่สุด)
จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปสู่สงครามที่เทพแต่ละองค์ต่างก็เลือกข้าง
ไม่ฝ่ายกรีกก็ฝ่ายทรอย จบลงด้วยความย่อยยับและความตาย
ผมตีความว่าชาวกรีกใช้เหล่าเทพเป็นอุปลักษณ์หรือภาพแทนของมนุษย์
หากมองในแง่รัก โลภ โกรธ หลง และอื่นๆ เทพก็ดูไม่ต่างจากมนุษย์เอาเสียเลย
ถึงกระนั้น ชาวกรีกในยุคโบราณยังคงบูชาเทพเจ้ากันเป็นเรื่องปกติ
มันทำให้ผมคิดถึงงานเขียนของยักษ์ปรัชญา-เพลโตที่ชื่อ
‘ยูไทโฟร’ ที่โสเครติสตั้งคำถามทำนองว่า
เทพเจ้าบอกว่าสิ่งใดเป็นสิ่งดีเพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งดี?
หรือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีเพราะเทพเจ้าบอกว่าเป็นสิ่งดี?
ผู้ที่คุ้นเคยกับปรัชญาคงรู้ว่านี่เป็น Big Question เนื่องจากทั้งสองเงื่อนไขนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
ข้อแรกหมายความว่า
ความดีนั้นดำรงอยู่อย่างอิสระจากเหล่าเทพ และเพราะมันดี
เทพเจ้าจึงบอกว่าเป็นสิ่งดี
ข้อ 2 หมายความว่า ความดีนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเหล่าเทพ
และเพราะเทพเจ้าบอกว่าดี มันจึงเป็นสิ่งดี
เอาเข้าจริง
ผมก็เคยถามตัวเองเหมือนกันว่า การที่ผมทำบางสิ่งที่เรียกว่าความดี
เป็นเพราะมันดีโดยตัวมันเอง ผมจึงทำ หรือผมรู้ว่ามันดี ผมจึงทำเพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าผมดี
มันก็จะงงๆ หน่อย
สรุปคือผมคิดว่าเหล่าเทพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจหรอกว่า
ความดีคืออะไรกันแน่
สิ่งที่น่าพิศวงคือมนุษย์เชื่อว่าตนเองรู้และในบางกรณีก็มั่นใจอย่างมืดบอดว่า
ความดีคืออะไร พลันที่เชื่อว่าตนยืนอยู่ฝั่งฟากความดีแล้วล่ะก็
อีกฟากฝั่งย่อมกลายเป็นความชั่วร้ายที่ต้องถูกกำจัด
...เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า
ว่าไหมครับ
ความคิดเห็น