-ความหวังและการรอคอยที่ไร้ค่า ณ ทุ่งร้างตาร์ตาร์-
'ทุ่งร้างตาร์ตาร์' ของดิโน
บุซซาติ แปลโดยอัมรา ผางน้ำคำ ของไลต์เฮาส์ พับลิชชิ่ง
เป็นหนังสือที่เกินความคาดหมายเมื่อแรกซื้อไปมาก
แค่เปิดอ่านหน้าสองหน้าแล้วลื่นไหลดี บวกกับชื่อหนังสือที่จับคู่กับภาวะอารมณ์ ณ
เวลานั้น ผมจึงกลายเป็นเจ้าของ
ทุ่งร้างตาร์ตาร์พูดถึงชีวิตของนายทหารหนุ่ม-จิโอวานนิ โดรโก
เขาถูกส่งไปประจำการ ณ ป้อมปราการบาสติอานิอันห่างไกลจากผู้คนและเมืองแมน
ครั้งแรกที่เขาเห็นป้อมปราการ เขาบอกกับตัวเองว่าจะต้องไปจากที่นี่ให้ได้
จะไม่ยอมทิ้งชีวิตและอนาคตในอาชีพไว้กับกองหินกองนี้
ที่นั่น
โดรโกพบเจอนายทหารอายุมากจำนวนหนึ่งที่ชีวิตฝังจมกับความหวังลมๆ แล้งๆ
ว่าสักวันหนึ่งจะมีข้าศึกบุกเข้ามา วันนั้นแหละที่พวกเขาจะได้ทำหน้าที่สมกับชายชาติทหาร
เพียงมีเงาที่ผิดปกติในทุ่งร้างทางเหนือ เหล่าทหารในป้อมก็จะรู้สึกตื่นเต้น
คาดเดาไปต่างๆ นานา และหวังแล้วหวังเล่าว่าการบุกรุกจะมาในไม่ช้า
แต่แล้วเมื่อ 4 เดือนผ่านไป เขากลับปล่อยโอกาสที่จะหนีจากป้อมปราการบาสติอานิ
เขาเลือกอยู่ต่อ นั่นเอง เขาค่อยๆ กลายเป็นเหมือนนายทหารคนอื่นๆ
ที่รอคอยสิ่งที่ไม่มีวันมาถึง เลือดเนื้อและกระดูก ลมหายใจและความทะเยอทะยาน
ความฝันและความรักของโดรโก ค่อยๆ จมหายไปกับการรอคอยที่ไร้ค่านี้
ป้อมปราการบาสติอานิดูดกลืนวิญญาณของโดรโกอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง
โดรโกปลอบตัวเองว่า เขายังหนุ่ม ยังมีเวลาอีกมากนัก ยังรอได้
รอที่จะทำหน้าที่ทหาร รอการออกรบอันห้าวหาญ เขารอเกือบ 40 ปี
กว่าจะรู้ตัวเขาก็เป็นนายทหารใกล้เกษียณที่ป่วยกระเสาะกระแสะ
แต่ในใจยังคงหวังให้มีข้าศึกบุกรุกเข้ามา เขาจะได้ชูกระบี่ ต่อสู้อย่างเหี้ยมเกรียม
หลั่งเลือดดั่งชายชาติทหาร
ป้อมบาสติอานนิบดเคี้ยวทั้งชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว
แล้ววันนั้นก็มาถึง
หลังจากมันแย่งยึดเวลาวัยหนุ่มของโดรโกไปอย่างเปล่าดาย ข้าศึกมาแล้ว เขาพร้อมจะสู้
แต่ผู้บัญชาการป้อมกลับเห็นว่าเขาแก่และป่วยเกินกว่าจะมีประโยชน์
ซ้ำยังรู้สึกสาแก่ใจที่จะได้พังพาบความหวังของโดรโก
ผู้บัญชาการส่งรถมารับโดรโกเพื่อไปรักษาตัว
แม้ว่าเขาจะทัดทานและขออยู่ต่อเพียงใดก็ไร้ผล
โดรโกหยุดพักที่โรงแรมระหว่างทาง
เฝ้าครุ่นคิดถึงเวลาทั้งชีวิตที่พลีให้ป้อมอันห่างไกลแห่งนี้
ความหวังที่ลุกโพลงขึ้นแล้วแตกดับครั้งแล้วครั้งเล่า รอคอยแบบหายใจทิ้งไปวันๆ
และเมื่อวันนั้นมาถึง เขากลับถูกถีบออกมาจากป้อม
โดรโกตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ผมหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านเพราะชื่อหนังสือที่สัมพันธ์กับห้วงอารมณ์
โดดเดี่ยว ห่างไกลผู้คนในทางความรู้สึก แต่พบว่ามันอ่านลื่นไหล
เนื้อเรื่องทยอยฉายให้เห็นความหวังและการรอคอย แน่นอน สำหรับโดรโกและทหารในป้อม
มันมีความหมายยิ่ง แต่เมื่อผมเป็นบุคคลที่ 3 ที่มองเข้าไปผ่านตัวหนังสือของบุซซาติ
มันเป็นอะไรที่โคตรไร้สาระ
สำหรับผม มันสะท้อนความไร้สาระของตัวละครในเรื่อง วัยหนุ่ม ความฝัน
จิตวิญญาณ
ถูกป้อมป้อมปราการบาสติอานิกับอุดมคติของการเป็นทหารขโมยหายโดยไม่ได้อะไรกลับมา
แต่ถ้าคิดในมุมโดรโก (และทหารอีกหลายคน) มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะยึดจับไว้เป็นเป้าหมายที่เพียงพอต่อการหายใจต่อ
และอย่างน้อยเขาก็เป็นคนเลือกเอง
นี่คงเหมือนที่ซาร์ตพูดไว้ว่าเราทุกคนต่างถูกสาปให้มีเสรีภาพ
เมื่อเลือกแล้วก็ต้องรอรับผล
ทว่า สิ่งที่ผมไม่เข้าใจโดรโกคือเขารอคอยนานขนาดนั้นได้อย่างไร
เขาไม่มีสิ่งอื่นให้ใฝ่ฝันบ้างหรือ สิ่งอื่นที่มีค่าพอให้เขาหายใจต่อ
เป็นนวนิยายที่ร้อยเรียงเรื่องได้นวลเนียน
มีจุดหลอกให้ตื่นเต้นและลุ้นตาม และสุดท้ายก็จบลงเยี่ยงโศกนาฏกรรม
ความหวังนั้นดีและเลว มันทำให้เรามีพลังและก็มอมเมาเราได้
บางสิ่งมีค่าควรแก่การรอแม้ต้องใช้ทั้งชีวิต บางสิ่งก็ไม่ ใครจะตัดสินได้นอกจากตัวเรา
แต่ใครจะรู้ล่ะ
บางทีชีวิตอาจเป็นสิ่งไร้สาระโดยตัวมันเอง
ความคิดเห็น