-โดราเอมอน โลกจินตนาการกับความฝันวัยเด็กของผมที่ไม่รู้ว่ามีอยู่-
ถ้านับอายุอานาม ‘โดราเอมอน’
แก่กว่ามังงะดังๆ
หลายเรื่อง ในแง่ยอดขายก็คงเทียบชั้น One Piece ที่ 455 ล้านเล่มไม่ได้ ในแง่ลายเส้น
ความแปลกใหม่ พล็อต และการวางเส้นเรื่องก็น่าจะสู้มังงะรุ่นใหม่กว่าไม่ได้อีกเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเชื่อว่าโดราเอมอนเป็นมังงะที่อยู่ในใจใครหลายคน
มันช่วยกระตุ้นจินตนาการ ต่อเติมความฝันวัยเด็กของผมและเด็กๆ
ให้ผลิบาน การเดินทางในอวกาศ มนุษย์ต่างดาว ไดโนเสาร์ อาณาจักรซ่อนเร้นที่หลงเหลือบนโลกใบนี้
แถมยังตั้งคำถามถึงวิทยาศาสตร์ในอนาคต คิดว่าทำไมโนบิตะไม่ใช่โดเรมอนทำให้ตัวเองร่ำรวยขึ้นมา
คิดว่าทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นไม่จับโดราเอมอนไปทดลอง ถ้ามีประตูไปที่ไหนก็ได้จริงๆ
ธุรกิจโลจิสติกส์จะพังทลายไหม ถ้าเดินทางข้ามกาลเวลาได้จริง
ผมก็อยากย้อนไปในยุคอยุธยาเพราะอยากรู้ว่าคนยุคนั้นอยู่กินกันยังไง และอื่นๆ
อีกมากไม่จบสิ้น
โดราเอมอนตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อธันวาคมปี 2512 (ก่อนผมเกิดอีก)
โดยสำนักพิมพ์โชงะกุกัง อย่างที่รู้กัน เรื่องราวหลักๆ ในโดราเอมอนคือการช่วยโนบิตะแก้ปัญหาสารพัน
เสนอเป็นตอนสั้นๆ กับสารพัดของวิเศษ (หรือจะเรียกว่าเทคโนโลยีจากอนาคตดี?)
แล้วยังมีตอนพิเศษอีกหลายตอนที่ถูกผลิตออกมาเรื่อยๆ
ตอนที่ผมชอบที่สุดคือ ‘เผชิญอัศวินไดโนเสาร์’
มันเริ่มต้นจากการที่ซูเนโอะหัวเราะเยาะโนบิตะที่ยังเชื่อว่าโลกใบนี้ยังมีไดโนเสาร์
แล้วเรื่องก็ทำให้ดูลึกลับซ่อนเงื่อนขึ้นเมื่อตัวซูเนโอะกลับเป็นฝ่ายพบเจอไดโนเสาร์เสียเอง
จนคิดว่าตัวเองเพี้ยน เริ่มหมกมุ่น กังวล และอยากจะพิสูจน์ความจริง
จังหวะพอดีกับที่โนบิตะและโดราเอมอนสร้างห้องในถ้ำใต้พิภพ ก๊วนเพื่อนโนบิตะทั้งหมดก็พลอยได้สนุกไปด้วย
ยกเว้นซูเนโอะที่ยังหมกมุ่นกับการพบเจอไดโนเสาร์ ซ้ำยังไปเจออีกในถ้ำใต้โลก
เจ้าตัวจึงตัดสินใจเอากล้องวีดิโอติดมือไปเพื่อพิสูจน์ความจริง ก่อนจะหายตัวไป
ทำให้เพื่อนๆ ต้องออกตามหา และพบอาณาจักรใต้พิภพที่ยังมีไดโนเสาร์เดินไปมา สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่วิวัฒนาการจากไดโนเสาร์
จากนั้นตัวเรื่องก็เล่นกลกับเส้นเวลาเมื่อ 65 ล้านปีก่อนที่อุกกาบาตพุ่งชนโลกจนทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
กลายเป็นว่าจุดกำเนิดของอาณาจักรไดโนเสาร์ใต้พิภพก็เพราะโดราเอมอนและเพื่อนๆ
นั่นแหละที่ต้องการช่วยเหล่าไดโนเสาร์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์
ในวัยเด็ก ผมยังได้อ่านนิตยสารมิติที่
4 ที่พูดถึงเรื่องราวลึกลับต่างๆ
อย่างการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว เนสซี่ในทะเลสาบล็อกเนส บิ๊กฟูต รอยเท้าปริศนา
สัญลักษณ์ประหลาดในไร่ข้าวโพด มันเป็นเรื่องชวนตื่นเต้น ปลุกความใฝ่ฝันให้ลุกโชน
เอางี้แล้วกัน พอโตขึ้นผมถึงรู้ว่ามีงานที่เรียกว่า
นักบรรพชีวินวิทยา ที่ศึกษาไดโนเสาร์ คอยขุดฟอสซิล ปัดฝุ่นอย่างประณีตบรรจง มีนักสมุทรศาสตร์ศึกษาเรื่องท้องทะเล
มีนักโบราณคดีที่ขุดคุ้ยอดีตจากผืนดิน ซึ่งในยุคของผมวิชาแนะแนวยังเป็นแค่วิชาสำหรับพักผ่อนนอนเล่น
มากกว่าจะเปิดโลกการศึกษาว่ายังมีวิชาในโลกนี้อีกมากที่น่าหลงใหล มากกว่าการเป็นวิศวะ
(สมัยผมนี่ เวลาถูกถามว่าจะเรียนต่ออะไร ก็มักตอบวิศวะไว้ก่อน
เพราะรู้สึกว่ามันเท่ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร)
แต่สมัยนี้ โลกของเด็กๆ กว้างขวางใหญ่โตกว่าวัยเด็กของผมมาก
ดีใจด้วยที่พวกเขาจะมีโอกาสรู้จักสารพัดวิชาความรู้ มีโอกาสได้เลือกเรียนสิ่งที่ตนเองสนใจจริงๆ
เดี๋ยวก่อนๆ
พูดแบบนี้ใช่ว่าเด็กทุกคนจะได้โอกาส ถ้าความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทยยังมีช่องว่างขนาดมหาสมุทร
เด็กจำนวนมากอาจรู้สิ่งที่ตนเองต้องการ ทว่า เงื่อนไขชีวิตไม่เอื้อ ไม่ก็ต้องดิ้นรนขวนขวายหนักกว่าเด็กอื่นๆ
ที่ชีวิตเริ่มจากบวก
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
ผมคงเลือกเป็นนักบรรพชีวินวิทยาหรือไม่ก็นักสมุทรศาสตร์ ไม่ใช่แค่เพราะผมชอบเรื่องราวของไดโนเสาร์และท้องทะเล
แต่เพราะการนั่งคุยกับฟอสซิลหรือกับปลา มนุษย์ที่ไม่ค่อยรู้วิธีปฏิสัมพันธ์แบบผมน่าจะทำได้ดีกว่าการคุยกับผู้คน
ความคิดเห็น