-เรื่องราวหลากสีสันในราชวงศ์ชิง จากรุ่งโรจน์แล้วร่วงโรย-
เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์จีน
ช่วงเวลาที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือยุคชุนชิว-จ้านกว๋อหรือในยุคที่รัฐต่างๆ
ยังไม่ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยราชวงศ์ฉิน กับอีกยุคหนึ่งคือยุคปลายราชวงศ์ชิง
เมื่ออาณาจักรที่คิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของโลกถูกท้าทายจากอำนาจของเรือปืนและการล่าอาณานิคมจากซีกโลกตะวันตก
ผมรู้สึกว่าประวัติศาสตร์จีนในรูปแบบงานวิชาการหรือกึ่งวิชาการยุคชุนชิว-จ้านกว๋อหาอ่านไม่ค่อยได้
มักจะเป็นพงศาวดารเสียมากกว่า ขณะที่ประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ชิงมีให้อ่านมากกว่า
หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นหนังสือวิชาการที่พูดถึงหลายมิติ
ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม โครงสร้างการปกครอง วรรณคดี ไปจนถึงปรัชญา มีผู้เขียนหลายคน
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชวนอ่าน ซึ่งผมจะขอพูดถึงส่วนที่ผมชอบเป็นหลักคือส่วนของประวัติศาสตร์
ราชวงศ์ชิงคือชาวแมนจู
ไม่ใช่ชาวฮั่น มีถิ่นฐานอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ถูกชาวฮั่นเรียกว่า จิน
ถ้าใครเคยอ่านมังกรหยกซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งคงคุ้นเคยกับเผ่าจินหรือกิม
ที่ต่อมาถูกปราบโดยชาวมองโกลที่เข้ามามีอำนาจปกครองจีนในนามราชวงศ์หยวน
ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับจูหยวนจาง ผู้ซึ่งขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิงในเวลาต่อมา
เมื่อนูร์ฮาซือรวบรวมชนเผ่าแมนจูเข้าด้วยกันได้แล้วก็เริ่มรุกลงใต้
แต่เขาเสียลงก่อนที่จะเป็นฮ่องเต้ หวงไท่จี๋ ลูกชายคนที่ 8 ที่ขึ้นเป็นข่านต่อจากเขาทำให้ฝันของพ่อเป็นจริง
เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ชิง ประยุกต์เอาวิธีการปกครองของจีนทั้ง 6 กระทรวงผสมเข้ากับการปกครองดั้งเดิมของแมนจูที่เรียกว่า
กองธงทั้งแปด ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งเพื่อกลมกลืนกับชาวฮั่นและได้รับการยอมรับ
การตราหนังสือต้องห้ามมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เป็นการควบคุมความคิดของผู้คน
ขณะเดียวกันทางการก็จัดทำประมวลสาส์นสี่พระคลังเป็นกลไกทางอุดมการณ์และความสร้างความชอบธรรมให้แก่ราชวงศ์ชิง
ตอนที่ผมชอบที่สุดคือ
‘หงซิ่วเฉวียน: ต้นแบบนักปฏิวัติจีน’ เขียนโดยวาสนา วงศ์สุรวัฒน์
ที่พยายามรื้อความหมายของคำว่า กบฏ กับ ปฏิวัติ ที่วัดกันจากความสำเร็จ
ผ่านตัวอย่างของกบฏไท่ผิง (หนังเรื่อง ‘สามอหังการ์เจ้าสุริยาหรือ The Warlords’ ปี 2007 เล่าเรื่องในช่วงท้ายของการปราบกบฏไท่ผิง) ที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าราชวงศ์ชิงจะปราบลงได้
ซึ่งก็ต้องใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากจนมีส่วนเอื้อให้การปฏิวัติซินไฮ่ของซุนยัตเซ็นประสบความสำเร็จ
ในห้วงยามนั้น
ประเทศจีนอยู่ในสภาพร่อแร่ ถูกประเทศตะวันตกเข้ามากอบโกยผลประโยชน์
ถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น
หงซิ่วเฉวียนที่พลาดการสอบจอหงวนถึง 4 ครั้งจนตรอมใจ ล้มป่วย ระหว่างนี้ได้อ่านหนังสือเผยแผ่ศาสนาคริสต์ก็อ้างว่าเห็นนิมิตว่าตนเองเป็นน้องชายของพระเยซูที่ได้รับมอบหมายให้ล้มล้างความหลงผิดในลัทธิบูชาบรรพบุรุษของขงจื่อ
ในห้วงยามที่ดูสิ้นหวังแบบนั้น
คำสอนของหงซิ่วเฉวียนคงจับจิตจับใจคนจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปี 1853 กองกำลังของเขาสามารถยึดนานกิงเมืองหลวงเก่าของราชวงศ์หมิงเป็นฐานที่มั่นได้
ทว่า เขาก็ไม่สามารถล้มล้างราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ สาเหตุ 2
ประการหลักคือความแตกแยกในหมู่ชนชั้นนำของกบฏไท่ผิงและเจิงกั๋วฟาน
ขุนพลแห่งราชวงศ์ชิง ผู้สร้างกองทัพแบบสมัยใหม่กองทัพแรกในประวัติศาสตร์จีน
ในที่สุดปี 1864 อาณาจักรสวรรค์แห่งสันติสุขที่ยิ่งใหญ่ของหงซิ่วเฉวียนก็ล่มสลายลง
อย่างไรก็ตาม
วาสนาเห็นว่าหงซิ่วเฉวียนเป็นตัวอย่างนักปฏิวัติที่กรุยทางให้แก่ซุนยัตเซ็นและเหมาเจ๋อตุงเดินตามด้วยการซื้อใจมวลชนและใช้บรรดาสมาคมลับต่างๆ
เป็นตัวช่วยในการปฏิวัติ เมื่อการปฏิวัติสำเร็จ ทั้งซุนยัตเซ็นและเหมาเจ๋อตุงก็มองอีกอย่าง
สมาคมลับคือซากเดนจากยุคศักดินาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิวัติ (เฮ้อ)
ในปลายราชวงศ์ชิงยังมีเหตุการณ์อีกมากมายที่ผมอยากรู้
ไม่ว่าจะเป็นสงครามฝิ่นทั้งสองครั้ง การเข้ามาของลัทธิล่าอาณานิคม
กบฏนักมวยหรืออี้เหอถวน ซูซีไทเฮา หญิงผู้ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพังทลายของราชวงศ์ชิง ขณะที่มีหนังสืออีกจำนวนหนึ่งตีความไปอีกด้าน
แต่หนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ในเวอร์ชั่นภาษาไทยยังมีค่อนข้างน้อย ถ้าสำนักพิมพ์ไหนมีพละกำลังพอก็แปลและจัดพิมพ์ออกมาเถอะครับ
สำหรับผม
เรื่องราวของราชวงศ์ชิงคือเรื่องราวของการฝืนกระแสความเปลี่ยนแปลง
เมื่อไม่ยอมเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับโลกที่เดินเข้ามา เวลาก็จะลบสิ่งนั้นออกจากประวัติศาสตร์
คำถามจึงไม่ใช่ ‘หรือไม่?’ แต่คือ ‘เมื่อไหร่?’
ความคิดเห็น