-'เจ้าผู้ปกครอง' การเป็นคนดีไม่สำคัญเท่ากับการเสแสร้งเป็นคนดี-





เป็นอีกเล่มที่เปิด-ปิดหลายรอบ เพราะความฟุ่มเฟือยของเชิงอรรถ เพื่อให้การอ่านราบรื่น ผมเลือกข้ามเชิงอรรถไปเสีย

กล่าวกันว่าเพลโต้ดึงการเมืองขึ้นไปสู่สวรรค์ มาเคียวเวลลีกระชากมันกลับลงมาสู่พื้นดิน 'เจ้าผู้ปกครอง' จึงถูกปักหมุดให้เป็นจุดเปลี่ยนของปรัชญาการเมืองที่ถูกครอบงำด้วยแนวคิดคลาสสิกแบบเพลโตมาหลายพันปีที่เห็นว่า เจ้าผู้ปกครองต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม เป็นปราชญ์ มาเคียวเวลลี่กลับเห็นว่าเจ้าผู้ปกครองที่มุ่งแต่จะเป็นผู้มีคุณธรรมคือเจ้าผู้ปกครองที่โง่เขลาและต้องประสบความพินาศย่อยยับ

จากความเข้าใจของผม เจ้าผู้ปกครองจะเป็นคนดีก็ได้ มันก็ดีแหละ ในเวลาเดียวกันต้องรู้ด้วยว่าจะชั่วร้ายในจังหวะเวลาใด มนุษย์ในมุมมองของมาเคียเวลลี่ช่างชั่วร้าย (ไม่รู้ว่าเป็นต้นทางให้ฮ็อบส์คิดดั่งที่ปรากฏในเลอไวอะธันหรือเปล่า?) ทว่า การเป็นคนดี ไม่สำคัญเท่าการทำให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นคนดี



"ไม่จำเป็นสำหรับเจ้าผู้ปกครองที่จะมีคุณสมบัติ (ที่ดีๆ) ทั้งปวง... แต่จำเป็นจริงๆ ที่ต้องทำทีว่ามีคุณสมบัติเหล่านั้น"

"เขาไม่ควรจะหันเหจากสิ่งที่ดี ถ้าเขาสามารถทำได้ แต่เขาควรรู้ว่าจะเข้าไปสู่สิ่งที่เลวได้อย่างไร เมื่อความจำเป็นบีบให้ทำอย่างนั้น"

"มีการต่อสู้อยู่สองชนิด ชนิดที่หนึ่งคือการต่อสู้ด้วยกฎหมาย ชนิดที่สองคือการต่อสู้ด้วยกำลัง ชนิดแรกเหมาะสมกับมนุษย์ ชนิดที่สองเหมาะกับสัตว์ป่า แต่เพราะบ่อยครั้งชนิดแรกได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอ เราจึงต้องพึ่งชนิดที่สอง ดังนั้น จึงเป็นการจำเป็นสำหรับเจ้าผู้ปกครองที่จะต้องรู้เป็นอย่างดีว่าจะใช้สัตว์ป่าและมนุษย์อย่างไร"

จุดที่รู้สึกสนใจจุดหนึ่ง มาเคียวเวลลีตั้งคำถามว่า เจ้าผู้ปกครองควรทำตนให้เป็นที่รักหรือเป็นที่หวาดกลัว เขาตอบว่า

"ข้าพเจ้าขอสรุปว่า โดยที่มนุษย์รักตามความพอใจของตนและกลัวตามความพอใจของเจ้าผู้ปกครอง เจ้าผู้ปกครองที่ทรงปัญญาจึงควรวางรากฐานของตนบนสิ่งซึ่งเป็นของตน ไม่ใช่บนสิ่งซึ่งต้องขึ้นอยู่กับผู้อื่น"

แต่ข้อที่มาเคียวเวลลีจะย้ำมากก็คือ เจ้าผู้ปกครองควรทำตนให้เป็นที่หวาดกลัว แต่จงอย่าทำตนให้เป็นที่เกลียดชัง เพราะสิ่งหลังจะนำความตายมาสู่

นี่แหละที่ทำให้ชื่อของเขาแปรเป็นคำศัพท์แทนคนมากเล่ห์เพทุบาย ปลิ้นปล้อน และทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตน

เอาเข้าจริง อ่านไปๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนังสือสำหรับผู้ปกครอง ขุนศึก หรือผู้บริหาร แต่เป็นหนังสือที่บรรยายถึงความเป็นมนุษย์ อันมีความชั่วร้ายเป็นส่วนผสมที่แยกไม่ขาด

ตามประสาคนฟุ้งซ่าน ผมชอบถามลอยๆ ว่าความชั่วร้ายเกิดขึ้นได้อย่างไร? การมีอยู่ของมันมีหน้าที่อันจำเป็นหรือไม่? มนุษย์ชั่วร้ายหรือใฝ่ดี? การเติบโตสั่งสอนว่าแม้เราจะมีความคิดชั่วร้าย แต่เราจะเก็บมันไว้ และเผยแสดงเฉพาะความดีงาม เพราะมันง่ายดายกว่าที่จะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น เราเรียนรู้สิ่งนี้เมื่อไหร่และอย่างไร? (คำถามเหล่านี้ ผมไม่ได้คิดบนฐานที่เกี่ยวโยงอะไรกับพระเจ้า ทางตะวันตก พระเจ้ากับความชั่วร้ายเป็นมหากาพย์ที่เถียงกันไม่จบไม่สิ้น)

ยังไม่เห็นหนังสือภาคภาษาไทยที่มุ่งศึกษาความชั่วร้าย หนังสือภาษาอังกฤษมีเยอะ แต่ก็อ่านไม่ใคร่จะออก

สำหรับผม 'เจ้าผู้ปกครอง' ไม่ได้สอนสั่งวิธีการขึ้นสู่และอยู่ในอำนาจเพียงเท่านั้น แต่มันชวนให้เราพิจารณาถึงความเป็นมนุษย์และใคร่ครวญต่อความชั่วร้ายทั้งภายในและภายนอกตัวเรา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

-เมื่อเราฆ่ากันในนามศาสนา เราจะไม่ปราณีและออมมือ-

-ความรักที่ไม่โรแมนติก "ความรักเป็นทักษะ ไม่ใช่ความรู้สึก"-

-คน 7,626 คนมีทรัพย์สิน 2.1 ล้านล้านบาท คน 12.2 ล้านคน มีเงินในบัญชีไม่เกิน 500 บาท-