-‘ตะวันลับแห่งต้าถัง’ เมื่อจักรวรรดิอัสดง-
จักรวรรดิต้าถังหรือราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานถึง
289 ปี
มีนครฉางอันเป็นเมืองหลวง เมืองแห่งแรกของโลกที่มีประชากรถึง 1 ล้านคน เป็นจักรวรรดิที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
ทั้งด้านวรรณกรรม สถาปัตยกรรม สิ่งประดิษฐ์ และอื่นๆ อาจพูดได้ว่าเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุคกลาง
ถึงกระนั้นก็ไม่มีจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่แห่งไหนไม่พานพบความล่มสลาย
ไม่ว่าจะมาภายนอกหรือภายใน เพียงแต่ความล่มสลายของต้าถังมาจากเนื้อในเป็นสำคัญ
‘ตะวันลับแห่งต้าถัง’ หรือ ‘The Decline of the Great Tang
Empire’ เขียนโดยจ้าวอี้
แปลโดยเรืองชัย รักศรีอักษร สำนักพิมพ์มติชน กล่าวถึงราชวงศ์ในช่วงศตวรรษที่ 9 หรือประมาณ 100 ปีก่อนตะวันลับ เปิดเรื่องด้วยการสวรรคตของไต้จงฮ่องเต้
ตามด้วยการขึ้นครองราชย์ของเต๋อจงฮ่องเต้ ในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ.779
จ้าวอี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องเหมือนนิยาย
ข้อดีคืออ่านเพลิน ลื่นไหล ข้อเสียคือสำหรับคนที่ชอบความเป็นวิชาการอาจเกิดคำถามว่าตรงไหนเรื่องจริง
ตรงไหนเรื่องแต่ง อีกจุดหนึ่งที่อาจจะไม่เป็นข้อเสียเสียทีเดียวก็คือการเริ่มต้นที่ช่วง
100
กว่าปีโดยไม่เล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าเลย
เล่นเอาคนอ่านก็งงไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เป็นปัจจัยให้ 100 ปีหลังราชวงศ์ถังจึงค่อยๆ เสื่อมทรุดลง
คำที่พบบ่อยมากคือกบฏอันสื่อ คืออะไร?
เริ่มรัชกาลเต๋อจงด้วยปัญหาการคลังอันหนักหน่วงและเขตทหารในเมืองต่างๆ
ที่ตั้งตนเป็นใหญ่ไม่ยอมขึ้นตรงกับราชสำนักส่วนกลาง เต๋อจงมีความพยายามที่จะกำหราบ
หากไร้ผล ยิ่งทำสงครามปัญหาการคลังยิ่งทับทวี
สุดท้ายจึงต้องยอมยุติและประกาศอภัยโทษทั่วแผ่นดิน
ในด้านหนึ่งเปรียบได้กับชัยชนะของเหล่าขุนศึก จากนั้นเต๋อจงก็ใช้ชีวิตไปวันๆ
อย่างไร้จุดหมาย ต้องการทรัพย์สินมาเติมคลัง เปิดช่องให้เกิดการรีดเค้นภาษี
ติดสินบาทคาดสินบน การบริหารราชการบ้านเมืองออกนอกลู่นอกรอย
เต๋อจงจากไป
ซุ่นจงขึ้นเป็นโอรสสวรรค์ด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันระหว่างพลพรรคของหวังซูเหวินฝ่ายสนับสนุนกับขันทีและขุนนางที่อยู่ขั้วตรงข้าม
หวังซูเหวินใกล้ชิดซุ่นจงหวังใช้โอรสสวรรค์ปฏิรูปบ้านเมือง
แม้หวังซูเหวินจะฉกาจหมากล้อมและมีปณิธาน
แต่การจะปฏิรูปบ้านเมืองก็ไม่ได้วางอยู่บนตาราง 9x9 ช่อง อีกทั้งก่อนขึ้นครองราชย์
ซุ่นจงเกิดป่วยด้วยโรคลมปัจจุบันหรือเส้นเลือดในสมอง
ไม่อาจบริหารบ้านเมืองได้ด้วยตนเองอย่างเต็มที่
การปฏิรูปของหวังซูเหวินสร้างศัตรูมากมาย
หมากล้อมที่เขาพิถีพิถันวางแต่ละหมากอย่างบรรจง 10 กว่าปี สุดท้ายก็พ่ายแพ้
เสี้ยนจง
ฮ่องเต้องค์ที่ 11
แห่งจักรวรรดิต้าถังมาแทนซุ่นจง ความเป็นคนหนุ่มไฟแรงและมีความสามารถทำให้จักรวรรดิถังกลับมาเรืองโรจน์อีกครั้ง
หลักการคือใช้กฎหมายในการปกครองบ้านเมือง อีกทั้งยังสามารถปราบเขตทหารที่แข็งข้อได้
แต่ฮ่องเต้ที่ฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิถังได้กลับหลงงมงายในยาอายุวัฒนะที่จะทำให้ตนเป็นอมตะ
ผลของยาทำให้เสี้ยนจงเกรี้ยวกราดอย่างไร้เหตุผล สั่งประหารมหาดเล็กเป็นว่าเล่น
เมื่อมหาดเล็กเฉินหงจื้อไม่อาจทนสภาพไม่รู้เป็นตายของตนได้อีกต่อไป
เขาจึงตัดสินรัดคอเสี้ยนจงขณะหลับ ผู้ที่ได้เป็นโอรสสวรรค์องค์ใหม่คือมู่จง
มู่จงไม่ใช่ฮ่องเต้ที่มีความสามารถอะไรนัก
ซ้ำยังเป็นโรคลมปัจจุบันอีก ซึ่งในหนังสือระบุว่าเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
เท่านั้นไม่พอ เขายังโหยหาชีวิตที่เป็นอมตะเช่นฮ่องเต้องค์ก่อน
สุดท้ายก็จบชีวิตเพียงอายุ 30 ปี
จิ้งจงขึ้นครองราชย์ต่อในวัย 16 ปี
เป็นฮ่องเต้ที่สำมะเลเทเมา ไม่สนใจกิจการบ้านเมือง ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ลงเอยด้วยการถูกขันทีวางแผนสังหารทั้งที่ครองราชย์ได้เพียง
2 ปี
เหวินจง ฮ่องเต้องค์ต่อมารับรู้ถึงเรื่องราวในอดีต
เขาไม่อยากเป็นหุ่นเชิดของเหล่าขันทีจึงวางแผนกำจัด แม้จะมีปณิธานมุ่งมั่น
แต่กลับใช้คนไม่เป็น แผนกำจัดขันทีผิดพลาดทั้งสองครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 2 ที่เรียกว่ารัฐประหารกานลู่ อันที่จริงถ้าเรียกตามศัพท์รัฐศาสตร์สมัยนี้ควรจะเรียกว่า
กบฏ เพราะทำไม่สำเร็จ แต่นี่ไม่ใช่ยึดอำนาจจากฮ่องเต้ มันคือการยึดอำนาจจากเหล่าขันที
เหวินจงไม่ได้เป็นหุ่นเชิดอีกต่อไป
แต่หนักยิ่งกว่าคือถูกขันทีควบคุมตัวไว้ในตำหนัก
เขาจากไปอย่างเศร้าสร้อยด้วยวัยเพียง 32 ปี
อู่จงครองราชย์ต่อท่ามกลางมหากาพย์ความแตกแยกแบ่งฝักฝ่ายของขุนนาง 3 คน-หลี่จงหมิ่น หนิวเซิงหรู และหลี่เต๋ออวี้
หนังสือกล่าวว่าเป็นการต่อสู้แบ่งฝักฝ่ายที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังที่นำไปสู่การเสื่อมทรุด
เมื่ออู่จงจากไป กวงหวังจากตำหนักสิบหกจวน ผู้เป็นอาของอดีตฮ่องเต้จิ้งจง เหวินจง
และอู่จง ถูกเหล่าขันทียกให้เป็นฮ่องเต้เพราะที่ผ่านมากวงหวังโง่เขลาเบาปัญญา
ไม่มีปากเสียง เหมาะที่จะถูกควบคุม เขาขึ้นเป็นเซวียนจงฮ่องเต้
และเป็นความผิดพลาดอย่างแรงของเหล่าขันที ความโง่เขลา ความเงียบ เป็นสิ่งที่เซวียนจงแสดงออกเพื่อเก็บงำประกาย
เขาอดทนกับการถูกเหล่าหวังในสิบหกจวนและฮ่องเต้เหยียดหยาม ทันทีที่เขาได้ครองบัลลังก์มังกรการบริหารบ้านเมืองด้วยความปรีชาสามารถก็เริ่มต้นทันที
เหล่าขันทีจำต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมจากความผิดพลาดของตน หนังสือกล่าวว่ายุคของเซวียนจงฮ่องเต้คือความรุ่งเรืองครั้งสุดท้ายของจักรวรรดิถัง
ความเป็นอมตะคือความปรารถนาลึกล้ำประการหนึ่งของมนุษย์ ถึงจะเฉลียวฉลาดปานใด
เซวียนจงกลับย่ำรอยความผิดพลาดของฮ่องเต้ในอดีต ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน
ยาอายุวัฒนะไม่ช่วยให้เป็นอมตะ มันฆ่าเขา
อี้จงเป็นฮ่องเต้อีกคนที่โง่เขลาเบาปัญญา ทุกสิ่งที่เซวียนจงสร้างไว้
ล้มครึน การอยู่บนบัลลังก์มังกร 14
ปีของอี้จงคือหายนะของราชวงศ์ถัง บริหารบ้านเมืองอย่างย่ำแย่ ใช้คนไม่เป็น
ซ้ำสำมะเลเทเมา ฟุ้งเฟ้อ เหตุร้ายจากภายนอกก็มี ความเหลวแหลกของเหล่าขุนนางและขันทีจากภายในราชสำนักก็เกิด
เศรษฐกิจของจักรววรดิพังพินาศ เมื่ออี้จงเริ่มประชวรและมีวี่แววว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน
ขันทีวางแผนลับสังหารโอรสของอี้จง 4 คน
เพื่อให้เหลือเพียงคนเดียวที่จะขึ้นเป็นโอรสสวรรค์คนต่อไป เขาคือซีจง เด็กน้อยวัย 12 ขวบ อำนาจกลับมาอยู่ในมือขันทีอีกครั้ง
ความฟอนเฟะที่สั่งสมไว้เริ่มเผยตัว ผู้คนรวมตัวกันก่อกบฏเพราะไม่อาจทานทนความหิวและการรีดนาทาเร้น
กองกำลังกบฏถึงกับยึดนครหลวงฉางอันได้
ซีจงต้องหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว ภายหลังปราบกบฏลงได้ก็ใช่ว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี
ซีจงถูกโรคเก่าของตระกูลถังคร่าชีวิตอีกครั้ง ได้จาวจงเป็นฮ่องเต้องค์ต่อมา
ถึงเขาจะมีความสามารถ ทว่า สถานการณ์ของจักรวรรดิมาไกลเกินเยียวยา
ค.ศ.907 เดือน 3 จาวจงในกำมือของจูเฉวียนจงประกาศสละราชสมบัติ จูเฉวียนจงขึ้นครองบัลลังก์แทน
ก่อตั้งราชวงศ์เหลียง ถือเป็นจุดจบอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิต้าถังอันยิ่งใหญ่
จักรวรรดิอัสดงแล้ว ลับหายไปจากท้องฟ้า
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษคือมันช่างต่างจากที่เรารับรู้จากหนังจีนราวฟ้ากับเหว
ภาพของฮ่องเต้ที่มีดาบอาญาสิทธิ์ ป้ายอาญาสิทธิ์ ราชโองการ สามารถสั่งประหารผู้คนได้แค่พลิกฝ่ามือ
ไม่ใช่เลย ฮ่องเต้ไม่ได้มีอำนาจมากมายอย่างที่เห็นในหนัง การเมืองก็คือการเมืองวันยังค่ำ
มีกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ที่คอยยื้อแย่ง ต่อรอง การขึ้นครองราชย์หาใช่เรื่องง่ายดาย
ไม่เว้นแต่โอรสสวรรค์
อันที่จริงหนังสือมีรายละเอียดอีกมาก
ผมแค่สรุปมาอย่างคร่าวๆ สิ่งที่หนังสือเน้นย้ำและปรากฏเกือบตลอดทั้งเล่มคือความขัดแย้งระหว่างขันทีกับขุนนาง
คู่ไม้เบื่อไม้เมาตลอดกาล ยามใดที่ผู้ปกครองอ่อนแอ ขันทีก็จะมีอำนาจ ก้าวก่ายการบริหารบ้านเมือง
แทรกแซงการศึกสงคราม ยากที่เหล่าขุนนางจะพอใจ อย่างไรก็ตาม ขันทีเป็นเพียงบ่าวไพร่ชั้นต่ำที่ไม่ถูกนับว่าเป็นคน
มันจึงเหมือนเงื่อนปมบาดแผลในใจทำให้โหยหาอำนาจ
และอำนาจเดียวที่จะไขว่คว้าได้คือการเกาะกุมโอรสสวรรค์ไว้ในมือ
ไม่เพียงเท่านั้น
ความโฉดเขลาของผู้ปกครอง ความฟุ้งเฟ้อ ใช้คนไม่เป็น ควบคุมบุคลากรไม่ได้ มิใยดีความเป็นอยู่ของราษฎร
เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ต้องสิ้นสูญ อย่ากระนั้นเลย
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีจักรวรรดิใดหรอกที่ยืนยงถาวร ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง
เมื่อมีรุ่งโรจน์ย่อมมีความย่อยยับควบคู่กันเสมอ
ความคิดเห็น