-เมื่อระบอบกษัตริย์ชั่วร้าย ‘สามัญสำนึก’ จึงนำอเมริกาปลดแอกจากอังกฤษ-
เรามาเริ่มกันก่อนว่า ‘Common Sense’ หรือ ‘สามัญสำนึก’ ของโธมัส เพน แปลโดยภัควดี วีระภาสพงษ์ สำนักพิมพ์ bookscape สำคัญอย่างไร?
มันสำคัญขนาดที่จอห์น อดัมส์
ผู้ได้ชื่อว่าเป็น 1
ในบิดาผู้สร้างสหรัฐอเมริกา ถึงกับกล่าวว่า
“หากปราศจากปากกาของผู้เขียนสามัญสำนึก
ดาบของ (จอร์จ) วอชิงตันก็คงกวัดแกว่างอย่างสูญเปล่า”
พูดได้ว่าถ้าไม่มีหนังสือเล่มนี้
การปฏิวัติอเมริกาเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษอาจไม่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นเนิ่นช้ากว่านั้น
หมายถึงประวัติศาสตร์โลกมีโอกาสที่จะมีหน้าตาต่างจากที่เราเห็นทุกวันนี้
สามัญสำนึก พิมพ์เผยแพร่ในวันที่ 10 มกราคม 1776 วันที่ 4 กรกฎาคมปีเดียวกัน อเมริกาก็ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายดำเนินต่อมา
กระทั่งอเมริกาได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ในปี 1783 มันจึงถูกยกย่องให้เป็นหนังสือที่ทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่ง
มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่วางลงไปบนหลังอูฐ และมันเป็นใบมีดที่ตัดสายใยระหว่างชาวอาณานิคมอเมริกาจากพระเจ้าจอร์จที่
3 แห่งอังกฤษ
ไม่เพียงเท่านั้น สามัญสำนึก ยังส่งแรงกระเพื่อมข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
แปรเปลี่ยนการกดขี่ ความอัดอั้นตันใจของผู้คน เป็นการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789
นอกจากเนื้อหาที่หลักแหลม คมคาย การเปรียบเปรยที่เด่นชัด
และวรรณศิลป์ที่งดงาม สามัญสำนึก ยังได้วางรากฐานให้กับแนวคิดสิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยในกาลต่อมาอีกด้วย
สามัญสำนึก พูดถึงอะไร?
3 เรื่องหลักที่สามัญสำนึกกล่าวถึงคือการกำเนิดขึ้นของรัฐ
การวิพากษ์วิจารณ์ระบอบกษัตริย์ของอังกฤษอย่างดุเดือด และเสนอว่าถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะแยกตัวจากอังกฤษ
นี่เป็นบางประโยคที่ถูกยกขึ้นมาเกี่ยวกับการกำเนิดรัฐ
“สังคมเกิดจากความต้องการของเรา
ส่วนรัฐบาลเกิดจากความชั่วร้ายของเรา สังคมส่งเสริมความสุขของเราในด้านบวกด้วยการเกี่ยวร้อยประสานสิ่งที่เรารัก
ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ในด้านลบคือคอยระงับยับยั้งความชั่วของเรา
สังคมเกื้อหนุนการมีปฏิสัมพันธ์ ส่วนรัฐบาลสร้างการกีดกันแบ่งแยก สังคมคือผู้อุปถัมภ์
รัฐบาลคือผู้ลงโทษ”
การที่เพนพูดแบบนี้ก็เพื่อนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญและสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษในขณะนั้น
ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อดูแลผู้คน เพนพูดถึงระบอบการปกครองของอังกฤษผ่านคำถามว่า
“เหตุใดกษัตริย์จึงเป็นอำนาจที่ประชาชนไม่กล้าไว้ใจและต้องคอยถ่วงดุลไว้เสมอ?”
เพราะแม้ว่าจะมีกษัตริย์ สภาขุนนาง และสภาสามัญชนเพื่อถ่วงดุลการใช้อำนาจกันและกัน
แต่เอาเข้าจริงแล้ว อำนาจของพระเจ้าจอร์จที่ 3
กลับยังสามารถก้าวข้ามการถ่วงดุดเข้าแทรกแซงการออกกฎหมายได้
ในประเด็นที่ 2 เพนตั้งชื่อบทว่า ‘ว่าด้วยระบอบกษัตริย์และการสืบทอดทางสายเลือด’ ซึ่งเผ็ดร้อนเสียยิ่งกว่าบทแรก
“ทว่ามีการแบ่งแยกสำคัญกว่าอีกประการซึ่งไม่มีเหตุผลทางศาสนาหรือเหตุผลตามธรรมชาติที่แท้จริงอธิบายได้เลย
นั่นคือการแบ่งแยกมนุษย์ออกเป็น กษัตริย์ กับ ราษฎร
ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นการแบ่งแยกของธรรมชาติ ดีกับเลวเป็นการแบ่งแยกของสวรรค์
แต่เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่งอุบัติขึ้นมาบนโลกพร้อมกับความสูงส่งเหนือมนุษย์คนอื่นและแตกต่างออกไปราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่”
เพนยังวิจารณ์การสืบทอดทางสายเลือดว่า
“นอกเหนือจากความชั่วร้ายของระบอบกษัตริย์แล้ว
เราก็ยังซ้ำชั่วให้ด้วยการสืบทอดทางสายโลหิต เริ่มต้นก้าวแรกด้วยความเสื่อมและลดทอนตัวเราเองแล้วไม่พอ
ยังมีก้าวที่สองตามมาโดยอ้างว่าเป็นสิทธิ์ นี่คือการดูแคลนและยัดเยียดให้คนรุ่นหลัง
มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีมนุษย์คนไหนพึงมีสิทธิแต่กำเนิดในอันที่จะยกยอตระกูลของตนให้มีอภิสิทธิ์ถาวรเหนือคนทั้งปวงตลอดไป
และถึงแม้ตัวเขาเองอาจสมควรได้รับการยกย่องนับถือพอประมาณจากผู้คนร่วมรุ่น แต่ลูกหลานของเขาอาจหล่นไกลต้นเกินกว่าจะควรค่าให้ยกย่องนับถือสืบต่อไป
ข้อพิสูจน์ตามธรรมชาติที่หนักแน่นที่สุดประการหนึ่งต่อความเขลาของสิทธิการสืบทอดสายเลือดในหมู่กษัตริย์ก็คือ
ธรรมชาติไม่เห็นชอบด้วย มิฉะนั้นแล้วธรรมชาติคงไม่แกล้งให้มันดูน่าหัวร่อร่ำไปด้วยการประทานลาคลุมหนังสิงโตแก่มนุษยชาติ
“ประการที่สอง ในเมื่อไม่มีมนุษย์คนใดสามารถครอบครองการยกย่องนับถือของสาธารณชนที่มีต่อผู้อื่น
นอกเหนือไปจากการยกย่องนับถือที่มีต่อตัวเขา ดังนั้น ผู้ให้การยกย่องนับถือเองก็ย่อมไม่มีอำนาจตีขลุมเอาสิทธิของคนรุ่นหลังมาหว่านโปรยตามใจชอบ
มีแม้ชนทั้งหลายอาจกล่าวว่า “เราเลือกท่านเป็นประมุขของเรา”
แต่พวกเขามิควรกล่าวว่า “ลูกและหลานของท่านจะปกครองเหนือหัวเราตลอดไป” นี่คือการกระทำความอยุติธรรมต่อลูกหลานของตนเองอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ความไร้สาระของการสืบทอดทางสายเลือดก็ยังไม่น่าวิตกต่อมนุษยชาติเท่ากับความชั่วร้ายของมัน
หากระบบนี้มีหลักประกันว่าจะสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์แสนดีแสนฉลาด
มันคงได้รับลัญจกรประทับรับรองจากสวรรค์ แต่เนื่องจากระบบนี้เปิดประตูให้คนเบาปัญญา
คนชั่วช้า และคนไม่เหมาะสม โดยเนื้อแท้แล้วมันจึงส่งเสริมการกดขี่
คนที่มองว่าตัวเองเกิดมาเพื่อปกครองและผู้อื่นต้องเชื่อฟัง ไม่ช้าเขาจะกลายเป็นคนโอหัง
เมื่อถูกเลือกให้อยู่เหนือมนุษย์ชาติที่เหลือ
จิตใจของเขาจึงถูกวางยาพิษแห่งการสำคัญตนมาแต่ต้น
อีกทั้งโลกที่เขาดำเนินชีวิตก็ผิดแผกจากโลกภายนอกอย่างมาก เขาจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเรียนรู้ความกังวลสนใจแท้จริงของคนหมู่มาก
เมื่อคนเช่นนี้สืบทอดตำแหน่งประมุข
จึงมักกลายเป็นคนโง่เขลาที่สุดและไม่เหมาะสมที่สุดเมื่อเทียบกับผู้คนทั่วทั้งอาณาจักร”
และเมื่อระบอบกษัตริย์ ระบอบการปกครองของอังกฤษไม่เป็นธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่เป็นธรรมต่อชาวอาณานิคมในอเมริกา เพนจึงเห็นว่านี่คือเวลาอันเหมาะสมที่สุดแล้วที่ชาวอเมริกันจะตัดขาดจากระบอบกษัตริย์ของอังกฤษ
“อำนาจบังคับของเกรทบริเตนเหนือทวีปแห่งนี้คือรูปแบบการปกครองอย่างหนึ่งที่ไม่ช้าก็เร็วย่อมถึงจุดอวสาน
ผู้คิดใคร่ครวญจริงจังมิอาจมองอนาคตด้วยความรื่นรมย์ เมื่อได้ข้อสรุปเจ็บปวดชัดเจนดังนี้
สิ่งที่เขาเรียกว่า “รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน” เป็นแค่รัฐธรรมนูญชั่วคราว
หัวอกของคนเป็นพ่อแม่ เราคงไม่ปลาบปลื้มหากรู้ว่า การปกครองนี้
ไม่ยืนยงเพียงพอเป็นหลักประกันให้แก่สิ่งที่เราจะทิ้งเป็นมรดกแก่ลูกหลาน
ด้วยกระบวนเหตุผลอันชัดเจนนี้ หากเราจะผูกหนี้ให้คนรุ่นต่อไป
เราก็ควรเป็นผู้ก่อหนี้ด้วยตัวเอง มิฉะนั้นก็เท่ากับเราใช้สอยลูกหลานอย่างเห็นแก่ตัวและน่าสมเพช
เพื่อค้นพบวหน้าที่ความรับผิดชอบของเรา เราควรคำนึงถึงลูกหลานและตั้งหอสังเกตการณ์อนาคตล่วงหน้า
ที่ซึ่งมองลมาเราจะได้เห็นช่องทางต่างๆ ที่ความกลัวและอคติในปัจจุบันบดบังจากสายตา”
ถ้อยคำของเพนที่ถือได้ว่าเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งที่ค้ำจุนสิทธิมนุษยชน
ประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ คือ
“การปกครองตัวเราเองคือสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์
เมื่อมนุษย์ครุ่นคิดทบทวนถึงความหมิ่นเหม่ล่อแหลมในเรื่องต่างๆ อย่างจริงจัง
เขาจะเริ่มคล้อยตามว่าการร่างรัฐธรรมนูญของตัวเองด้วยเจตจำนงที่รอบคอบเยือกเย็นในขณะที่มีอำนาจอยู่ในมือเป็นวิธีการที่ฉลาดกว่าและปลอดภัยกว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม”
ในช่วงท้ายของหนังสือ
เพนยังย้ำหนักแน่นว่าอเมริกาไม่อาจแสวงหาความยุติธรรมได้จากระบอบกษัตริย์ของอังกฤษ
เพราะ...
“ปืนใหญ่คือทนายความของระบอบกษัตริย์
และดาบของสงครามต่างหาก มิใช่ความยุติธรรม”
หลังจากที่จอร์จ วอชิงตัน ในฐานะผู้นำการต่อสู้เพื่อประกาศเอกราชได้อ่านงานชิ้นนี้
เขาก็ไม่สามารถยกแก้วอวยพรให้กับพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษอีกต่อไป
จากเรื่องราวและข้อความที่ยกมา ผมเชื่อว่าเราสามารถสัมผัสถึงพลังของตัวอักษรของเพนที่ปลุกเร้าชาวอาณานิคมให้รู้ว่าต้องตัดสินใจอย่างไร
การปลดแอกตนเองจากระบอบการปกครองที่ชั่วร้ายของกษัตริย์อังกฤษจึงมิใช่ทางเลือก
หากเป็นหนทางเดียวของชาวอเมริกันในการยืนยันสิทธิความเป็นมนุษย์ของตน
ความคิดเห็น
มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีมนุษย์คนไหนพึงมีสิทธิแต่กำเนิดในอันที่จะยกยอตระกูลของตนให้มีอภิสิทธิ์ถาวรเหนือคนทั้งปวงตลอดไป – ธอมัส เพน (Thomas Paine)
๓
มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันนั้นเถิด
ฤามีสิทธิ์แต่กำเนิด ไม่มีมนุษย์คนไหน?
ในอันที่จะยกยอตระกูลของตน นั้น ไซร้
ให้มีอภิสิทธิ์ถาวรตลอดไปเหนือคนทั้งปวง
.
สามัญชน
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓
🙏💖💯💋😘🐸🐠🐬🐞🌐🌀⁉️
https://wp.me/p7qWI7-yB
.
#สามัญสำนึก ,Common Sense, Thomas Paine, ธอมัส เพน, , ภัควดี วีระภาสพงษ์
.